สำหรับคนไหนที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาโดยตลอด คงจะทราบดีว่า เควิน เดอ บรอยน์ ( Kevin De Bruyne ) เป็นนักเตะที่มีความสำคัญต่อทีมขนาดไหน เพราะนับแต่เขาย่างเท้าก้าวเข้ามาสู่ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูเหมือนผลงานจะยิ่งท็อปฟอร์มขึ้นเรื่อยๆ เลยทีเดียว จนปัจจุบันถูกยกเป็นดาวเด่นแห่งวงการลูกหนังไปเรียบร้อยแล้ว จนแบรนด์ดังต่างๆ แห่แหนมาจองคิวไปร่วมงานพรีเซ็นเตอร์ด้วยอย่างไม่ขาดสาย แอบสืบทราบมาว่าหลายต่อหลายแบรนด์พร้อมทุ่มเงินไม่อั้น เพื่อดึงตัว เดอ บรอยน์ มาให้สำเร็จ
Kevin De Bruyne เข้าสู่เส้นทางนักฟุตบอลมาตั้งแต่ปี 1997 ขณะนั้นเขาเล่นอยู่ภายในสโมสรเยาวชน ทั้งทีมกาเฟเฟ โดรงเงิน ทีมเกนต์ และ ทีมแค็งก์ เป็นต้น โดยเจ้าตัวเป็นนักเตะรุ่นเยาวชนอีกคนนึง ที่ค่อนข้างโดดเด่นแตกต่างออกมาจากคนอื่นๆ อยู่พอสมควร กระทั่งเมื่อปี 2008 เขาขยับขึ้นมาเล่นในสโมสรอาชีพ และ ทีมชาติเบลเยียม (รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี) อย่างเป็นทางการ ซึ่งความสามารถในการเล่นฟุตบอลของเขา กล่าวได้ว่าแทบจะไม่เคยเป็นสองรองใครเลยเสียด้วยซ้ำ จึงไม่ต้องสงสัยเลยหาก De Bruyne จะกลายมาเป็นสตาร์แห่งวงการลูกหนังอีกคนนึง
ทางด้าน เดอ บรอยน์ เคยร่วมสังกัดกับสโมสรอยู่หลายๆ แห่งด้วยกัน เริ่มจากในปี 2008 เข้าร่วมกับทีมแค็งก์ ก่อนจะย้ายมาสู่ทีม เชลซี และ ทีม โวล์ฟสบวร์ก ในเวลาต่อมา กระทั่งปี 2015 เขาตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการย้ายมาซบชายคาแห่งใหม่ อย่าง ทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเหมือนว่าฟอร์มจะร้อนแรงยิ่งกว่าเก่าเสียอีก เพราะในปัจจุบันตั้งแต่ย้ายมา แมนฯ ซิตี้ เขาสามารถทำไปกว่า 93 ประตู จากการลงเล่น 347 นัด ซึ่งเยอะมากๆ เมื่อเทียบเคียงกับนักเตะคนอื่นจากรุ่นเดียวกัน
หลายคนคงน่าจะทราบดีแล้วว่า เดอ บรอยน์ เล่นใหกับทีม “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม โดยเริ่มลงสนามในฐานะชุดหลักตั้งแต่ปี 2010 มาจนถึงปัจจุบันถือว่าเป็นจอมทัพคนสำคัญให้กับทีมชาติ โดยล่าสุดลงสนามรับใช้ชาติไป 99 นัด ทำประตูแล้วกว่า 26 ประตูเลย ผลงานของเจ้าตัวแทบจะไม่เคยดรอปลงไปเลย นับวันมีแต่จะพัฒนาฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ จนทางด้าน เควิน เดอ บรอยน์ คว้ารางวัลมาครอบครองแล้วเป็นจำนวนมาก